Apple Watch Series 3 เปิดขายออนไลน์ วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561 ในประเทศไทย โดย Apple Watch Series 3 นี้มีรุ่น GPS กับ Cellular ซึ่งใช้งานร่วมกับ e – SIM ของโทรศัพท์มือถือได้แล้ว เราไปศึกษากันดูดีกว่าว่ามันมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง
Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular ความพิเศษที่อยู่ตรงข้อมือ
ภายในกล่องของ Apple Watch Series 3 รุ่น GPS กับ Cellular ประกอบไปด้วย…
- Apple Watch Series 3 GPS, Cellular ตัวเรือนทำจากอะลูมิเนียม
- สายในสไตล์ Sport Band สีเทา โดยสามารถเปลี่ยนความยาวให้เป็น S,M หรือ M,L ได้
- สายชาร์จแบบแม่เหล็กความยาว 1 ม.
- USB Power Adapter จำนวน 5 วัตต์
- เอกสารแนะนำใช้งาน
Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular รองรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ โดยภายในตัวเครื่องมีระบบ e – SIM ในตัว ซึ่งเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้ในเครือข่ายที่สามารถรองรับได้ทั่วโลก
- มี GPS และ GLONASS
- Processor แบบ Dual-core ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
- ชิพไร้สาย W2 ช่วยเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ผ่าน Bluetooth เช่น AirPods หรือ ลำโพงไร้สายได้โดยตรง
- มาตรวัดความสูงแบบวัดความดันบรรยากาศ
- มีความจุมากถึง 16 GB
- เซ็นเซอร์ Heart Rate Monitoring
- อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและ Gyroscope
- ทนน้ำระดับ 50 เมตร
- กระจก Ion-X สุดยอดของความแข็งแกร่ง
- ฝาหลังทำจากวัสดุเซรามิก
- Wi-Fi แบบ 11b/g/n 2.4GHz
- Bluetooth 4.2
- แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างยาวนานสูงสุด 18 ชั่วโมง
- watchOS 4
- ใช้งานร่วมกับแท่นชาร์จ AirPower ได้
ภายนอก
ปรากฏให้เห็นถึงสิ่งที่บ่งบอกความเป็นรุ่นที่รองรับ Cellular นั่นก็คือปุ่ม Digital Crown ที่เป็นสีแดงสวยงาม รวมทั้งหน้าปัดนาฬิกา Watch Face แบบพิเศษ บริเวณมุมบนซ้ายมี I – Con โทรศัพท์เพื่อง่ายต่อการเข้า App Phone ซึ่งทำให้คุณกดโทรออกได้ นอกจากนี้บริเวณมุมบนขวาก็จะมี I – Con ของ App แผนที่ ที่คุณสามารถเลือกสถานที่เพื่อให้ระบบนำทางไปได้บนข้อมือ
ในส่วนของวัสดุใช้อะลูมิเนียมเหมือนกับ Apple Watch และ Apple Watch Nike+ แต่ทว่าฝาหลังของรุ่น Cellular จะเพิ่มความใส่ใจทำให้เซรามิกเกิดความสวยงาม รวมทั้งมีความทนทานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้รุ่น Cellular นั้นก็จะมีตัวเรือนแบบสแตนเลสสตีลรวมทั้งแบบเซรามิกให้เลือกซื้อตามความชอบอีกด้วย
ภายใน
ส่วนระบบภายในที่เพิ่มเติมเข้ามา ก็คือ รองรับ e – SIM ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับสัญญาณโทรศัพท์มือถือได้ แน่นอนว่าทำให้สามารถโทรออก – รับสายรวมทั้งใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างฉับพลัน ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่ใกล้กับ iPhone ก็ตาม เช่น รับส่งข้อความผ่าน iMessage, Streaming เพลงจาก Apple Music ใช้ App แผนที่เพื่อการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง ใช้งาน Siri ถาม – ตอบปัญหาต่างๆได้อย่างรวดเร็ว หรือสั่งให้เล่นเพลงก็ยังได้ สั่งให้เปิด App ออกกำลังกาย เป็นต้น